ทหารอากาศ ฉันเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่เติบโตมาจากทางบ้านที่มีฐานะปานกลาง พ่อกับเเม่ฉันมีอาชีพทำธุรกิจส่วนตัว พ่อของฉันเป็นหัวหน้าครอบครัวที่เข้มเเข็ง ซื่อสัตย์ จงรักภักดีต่อผู้มีพระคุณ ส่วนเเม่ของฉันเป็นคนนิ่งๆทำทุกอย่างให้กับลูกๆ ฉันเป็นลูกสาวคนที่1 มีน้องชาย1คน ที่มีอายุห่างกัน 11ปี
เมื่อฉันก้าวเข้าสู่โรงเรียน ฉันเริ่มเรียนที่โรงเรียนเอกชนเเห่งหนึ่งในต่างจังหวัด เเต่ฉันเป็นคนไม่ชอบเเละไม่คิดที่จะอยากไปโรงเรียนเลย ด้วยความที่อยู่กับพ่อเเม่ตลอดเวลา เลยไม่คิดอยากจะห่าง พอฉันก้าวไปสู่รั้วโรงเรียน ฉันร้องไห้ทุกวันหลังจากที่พ่อเเม่กลับ ฉันไม่คุยกับใครเลย เเละเเทบไม่มีเพื่อนเลยในตอนนั้น หลังจากที่ชีวิตเติบโตขึ้นเป็นช่วงเรียนในวัยประถมศึกษา ฉันยังคงเรียนที่โรงเรียนเอกชนเเห่งนั้น จนจบประถมศึกษาปีที่6 ชีวิตที่ดำเนินมาเรื่อยๆจนถึงวันจบการศึกษาของระดับประถม ฉันเข้าร่วมกิจกรรมทุกสิ่งอย่าง จนรักในโรงเรียน การเรียน เเละทำให้มีเพื่อนมาก เเละทำให้เป็นคนที่เข้าสังคมเก่ง
15 พฤษภาคม 2551 ฉันเป็นเด็กนักเรียนมัธยม ฉันย้ายจากโรงเรียนเอกชนไปโรงเรียนรัฐบาลของอำเภอนั้น ฉันสอบเข้าเรียนในห้องภาษา หรือที่รู้จักคือ IEP ฉันตื่นเต้นมากที่ได้เจอเพื่อนใหม่ๆครูใหม่ๆเเละเรื่องราวใหม่ๆ สิ่งที่ชอบที่สุดคือชุดนักเรียน มันทำให้ฉันรู้สึกว่ามันน่ารักเเละสมวัย 3ปีกับมัธยมศึกษาตอนต้น
ซึ่งเเน่นอนฉันเป็นนักกิจกรรมสุดๆจึงได้ร่วมกิจกรรมที่หลากหลายเเละมีเพื่อนต่างห้อง ต่างเพศ หลายคน เเละได้เรียนรู้คนหลายรูปเเบบ มีวิชาหนึ่งคือวิชา เเนะเเนว ซึ่งวิชานี้ในวันนั้นให้ฉันเขียนความฝันของตัวเองลงไป ฉันมีความฝันหนึ่งสิ่งที่มันอาจจะดูยากสำหรับฉันในตอนนั้นคือ อาชีพ ”ข้าราชการทหาร” ใช่!! ฉันเป็นเด็กผู้หญิงที่มีความฝันอยากเป็นทหาร เหล่าอากาศ ฉันจึงเขียนบอกเล่าเรื่องราวความฝันนั้นลงไป ตอนนั้นมันคือความภาคภูมิใจที่สุดเมื่อได้ออกไปเล่าให้เพื่อนๆเเละคุณครูฟัง
งานวันเด็ก 2552 พ่อพาฉันไปงานวันเด็กที่กองบิน 6 กองทัพอากาศ ดอนเมือง ฉันไปด้วยความตื่นเต้น เพราะเป็นครั้งเเรกที่ฉันได้มาเเละเป็นสิ่งที่ตัวเองชอบมากที่สุด ฉันได้เห็นเครื่องบินรบ เครื่องบินลำเลียง เครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ เยอะเเยะไปหมด รู้สึกสนุกเเละมันเป็นเเรงบันดาลใจเรื่อยมา พี่ๆในชุดทหารหล่อสวยเท่ทุกคน มีทั้งผู้หญิงผู้ชาย คุณหมอ คุณพยาบาลที่เป็นทหารก็มีเยอะ วันนั้นฉันเที่ยวด้วยความสนุกจนลืมเวลา เพราะรอบๆตัวมีเเต่ความรู้เเละสิ่งที่น่าสนใจเยอะมาก ฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติกองทัพอากาศ
เเละทหารไทยในยุคสมัยก่อน ฉันรักทหารมาก ไม่ว่าจะเป็นห ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ เเต่โดยส่วนตัวชอบทหารอากาศเพราะชอบเครื่องบิน วันนั้นพี่นักบินรบที่ขับเครื่องบินรบโชว์ มันเท่มากๆเลย เเละยังมีของรางวัลมาเเจกเด็กๆอีก วันนั้นฉันได้ของเเจกมาจากพี่ฉันบินคือ สมุดไดอารี่ ฉันชอบมากเเละฉันยังใช้สมุดไดอารี่เล่มนี้บันทึกเรื่องราวความฝัน เเละ สถานที่ที่้กี่ยวกับทหารลงไป เก็บไว้เป็นเเรงบันดาลใจในการก้าวไปสู่ข้าราชการทหาร
หลังจากจบมัธยมศึกษาตอนต้น ฉันก็ก้าวเข้าสู่มัธยมศึกษาตอนปลาย ช่วงนี้เเหละที่ฉันตั้งใจกับความฝันเต็มตัว ชีวิตมัธยมปลายของฉันมันตื่นเต้นมาก ฉันเริ่มเรียนเป็นนักศึกษาวิชาทหารหรือนศท.(รด.) ไม่ต้องบอกก็พอเดาได้ มันทั้งสนุก ทั้งเครียด เเละคนที่เรียนต้องฝึกวิชาทหารเเละร่างกายต้องเเข็งเเรงเสมอ เเต่สำหรับฉันมันคือการท้าทาย ฉันไม่เคยไม่พร้อมในวันที่มีเรียนเลย ฉันอยากเรียนรู้เสมอๆสำหรับวิชาทหาร การเรียนวิชานี้สอนอะไรเราได้หลายอย่าง อาทิเช่น ความสามัคคี การช่วยเหลือผู้อื่น การทำกิจกรรม การฝึกร่างกาย เเละหัวใจของทหารนั้นคือความรักเเละภักดีต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เเละยังติดตรึงในใจฉันเสมอ เเละยิ่งทำให้ฉันตอบตัวเองได้ชัดเจนว่าฉันจะก้าวเดินไปในเส้นทางนี้ เเม้ว่าจะลำบากหรือทนทุกข์บ้างเป็นบ้างครั้งเเต่ฉันเลือกจะทำตามความฝัน เเละจะให้สัญญาว่าจะทำให้ได้
ชีวิตมัธยมปลายฉันไม่ได้เรียนเเละทำกิจกรรมเเค่นั้นเเต่ฉันยังลงสมัครเป็นประธานนักเรียนของโรงเรียนด้วย ซึ่งฉันได้ตำเเหน่งนี้มาเเละ 1 ปีกับการเป็นผู้นำ มีทั้งความสุข ร้องไห้ เเละความรู้สึกอีกหลากหลาย เพราะการเป็นผู้นำไม่ใช่เรื่องง่าย ทั้งกระบวนการคิด การลงมือ เเละการปฏิบัติ ช่วงเเรกๆยอมรับเลยว่ายากมาก จนฉันร้องไห้ เเต่เพื่อนในทีมเเละอาจารย์ที่ปรึกษาก็ช่วยเเละอยู่เคียงข้างเสมอ ฉันเลยมีกำลังใจที่จะอยู่ในตำเเหน่งนี้ต่อไป จนฉันได้เรียนรู้ชีวิตของการทำงาน การนำทีม การเข้าสังคม การทำกิจกรรมเพิ่มขึ้นไปอีกเพราะต้องเข้าหาผู้ใหญ่ ที่มีตำเเหน่งใหญ่หลายครั้ง จนทำให้เรียนรู้จนกระทั่งหมดวาระ ในชีวิตมัธยมปลายฉันมีเกราะของความเข้มเเข็งเป็นเท่าตัว ทั้งทางด้านร่างกายเเละจิตใจ เเละความฝันยังอยู่กับฉันเสมอ จนกระทั่งจบมัธยมปลายเป็นสิ่งที่ต้องเลือกเส้นทางของตัวเอง
เมื่อก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยฉันเลือกเรียนมหาวิทยาลัยเพราะฉันไม่ได้เลือกสอบเป็นพยาบาลทหาร (เพราะผู้หญิงต้องเรียนเป็นพยาบาลทหารอย่างเดียว) ฉันตัดสินใจเรียนต่อมหาวิทยาลัยเเล้วค่อยไปสอบทีหลัง ฉันเลือกเรียนคณะมนุษศาสตร์เเละสังคมศาสตร์ สาขาวิชาด้านภาษา ที่มหาวิทยาลัยรัฐบาลเเห่งหนึ่ง ฉันเรียนไปด้วยความที่ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เเต่เรียนไว้ก็ดี มีภาษาสามารถทำงานอะไรได้เยอะ ฉันใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยเช่นกับตอนมัธยมปลายโดยการเป็นคณะกรรมการบริหารนักศึกษาของคณะที่ฉันเรียน สั้นๆง่ายๆว่า
ฉันเเทบไม่ได้เรียนในห้องเรียนเลย ส่วนมากอยู่กับกิจกรรมส่วนใหญ่ เพราะกิจกรรมได้ลงมือทำจริงเเละคิดหาเหตุผลได้ดีกว่าเรียนทฤษฎี มีเรื่องราวตลกเเละเครียดไปพร้อมๆกันในครั้งที่เป็นคณะกรรมการนี้ มีเรื่องเล่าของเซกของฉันให้ฟัง วันนั้นทางมหาวิทยาลัยมีกิจกรรมคือกิจกรรมประกวดดาวเดือนของคณะนั่นเอง ฉันคือหนึ่ง
ในกรรมการที่ต้องไปจัดงาน เเละฉันมีตำเเหน่งอีกอย่างคือ หัวหน้ารุ่น เเละหัวหน้าต้องเป็นคนทำทุกอย่าง เช่น มีกิจกรรมก็ต้องเก็บสมุดกิจกรรมของทุกคนไปให้กรรมการเซ็นชื่อเพื่อรับรองว่าเข้ารว่มงาน เเต่ฉันต้องไปทำตำเเหน่งกรรมการจึงฝากสมุดกิจกรรมให้เพื่อนที่เป็นเด็กเรียนที่สุดเเละเรียบร้อยที่สุดทำหน้าที่เเทน เเต่เรื่องราว
ที่เกิดขึ้นคือ เพื่อนในห้องต่างพากันเซ็นสมุดกิจกรรมเเละประทับตราของคณะลงไปในสมุดเอง โดยที่ฉันไม่รู้ว่าเพื่อนๆเเอบไปทำที่ประทับตรามากันเอง เเละก็ไม่ได้สงสัยอะไร จากนั้นเพื่อนที่รับผิดชอบเเทนก็นำไปส่งที่ห้องคณะของส่วนกลางเพื่อตรวจสอบ เเละเรื่องราวก็เกิดขึ้นเมื่อหัวหน้าที่ห้องคณะจับได้ว่าปลอมสมุดกิจกรรม
จึงเรียนอาจารย์ที่ปรึกษาเเละพวกฉันทั้งหมดเข้าไปพบ โดยหัวหน้าคณะบอกจะให้พักการเรียน 1 ปี เเต่อาจารย์ที่ปรึกษาขอไว้เลยตกลงกันใหม่ว่าจะให้ไปทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ทดเเทน เเละ ลงโทษโดยการให้ทำความสะอาดรอบๆมหาวิทยาลัยเป็นเวลา 3 เดือน ก็ถือว่าเป็นเรื่องราวที่สนุกมนรั้วมหาวิทยาลัย เเต่สำหรับฉันยังคงทำกิจกรรมเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือกิจกรรมของส่วนรวมในระดับประเทศ อาทิเช่น โครงการจิตอาสา เราทำความดีด้วยหัวใจ โครงการกุลบุตรกุลธิดา สภากาดชาดไทย เเละอีกหลายๆโครงการ จนจบการศึกษาระดับปริญญาตรี
ฉันจบการศึกษาระดับปริญญาตรีด้วยผลการเรียนระดับกลางๆ เเละพร้อมที่จะก้าวไปสู่ช่วงชีวิตที่ทำงาน เเละฉันคิดว่าศักยภาพของฉันน่าจะดีพอในระดับหนึ่ง ฉันไล่ตามความฝันตั้งเเต่ที่จบจากมหาวิทยาลัย ไล่สอบทุกที่ที่เปิดเกี่ยวกับการสอบข้าราชการทหาร ฉันใช้เวลาสอบหลายครั้งเเละหลายปี เพราะด้วยอัตราที่เปิดรับ
น้อยเเละการเเข่งขันค่อนข้างสูงมาก จึงทำให้ต้องสู้เสมอๆเเละอดทนมากๆด้วย บางครั้งเเทบจะหมดกำลังใจเลย เเต่ด้วยความรัก ศรัทธา เเละภักดี จึงทำให้ใจเข้มแข็งเสมอ ฉันเป็นคนภักดีกตัญญูต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ มาก เเละรักประเทศไทยมากที่สุดเพราะเป็นเเผ่นดินเกิด ฉันสัญญาไว้กับตัวเองว่าจะตอบเเทนคุณเเผ่นดินด้วยการรับราชการทหาร ถึงเเม้ว่าการสอบแข่งขันจะหลายครั้งก็ตาม ซึ่งฉันพยายามที่สุด ยอมเหนื่อย ยอมท้อ เเละไม่เที่ยวเหมือนที่คนอื่นใช้ชีวิตกัน เพราะอยากสอบให้ได้เร็วๆ จนในที่สุดฉันคือ ข้าราชการทหาร ของกองทัพอากาศ….